ในหมู่บ้านริมหนองน้ำที่เงียบสงบ คู่หูรามิและเดือนดิน ทั้งสองมีความรักในธรรมชาติ ทั้งคู่มักจะมานั่งที่หนองน้ำในยามเย็นเพื่อพักผ่อนและชมวิวธรรมชาติ วันหนึ่งขณะที่พวกเขากำลังนั่งเล่นก็ได้พบกับนกกระยางขาวที่บินมาแวะพักที่หนองน้ำนี้ นกตัวนี้ดูสง่างามและมีสายตาที่ดูเหมือนจะรู้เรื่องราวมากมาย

รามิเรียกให้เดือนดินดูนกกระยางขาวที่บินมาอีกครั้ง เดือนดินตอบรับพร้อมรอยยิ้มและบอกว่าเธอชอบมองมันมาก ราวกับว่านกตัวนี้มีเรื่องราวที่จะเล่าให้พวกเขาฟัง
นกกระยางขาวได้ยินบทสนทนาของพวกเขาแล้วจึงเข้ามาใกล้และทักทาย โดยบอกว่าตนเห็นพวกเขามาหลายครั้งแล้วและยินดีที่จะบอกเล่าเรื่องราวที่มีความหมายให้ฟัง
รามิและเดือนดินรู้สึกตื่นเต้นและขอบคุณที่มีโอกาสได้เรียนรู้จากนกกระยางขาว นกกระยางขาวเริ่มเล่าเรื่องสอนใจให้พวกเขาฟังว่า:
“ในป่าที่เงียบสงบ มีต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่ยืนสูงและสง่างาม วันหนึ่งต้นไม้ใหญ่นี้พบกับลมพายุที่พัดแรงจนกิ่งก้านของมันหักและใบของมันร่วงหล่น แต่ต้นไม้ไม่ยอมแพ้ มันยังคงยืนหยัดอยู่เพื่อให้ร่มเงาแก่สัตว์และพืชอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ใกล้ๆ”
รามิและเดือนดินฟังอย่างตั้งใจ พวกเขาคิดว่าต้นไม้ใหญ่ตัวนี้ช่างน่าทึ่งจริงๆ เพราะมันไม่เคยเรียกร้องอะไรตอบแทน นกกระยางขาวเห็นด้วยและเล่าว่ามีลูกกระต่ายน้อยชื่อ “มินิ” ที่มักจะมาหลบอยู่ใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ในวันที่แดดร้อนแรงและฝนตกหนัก มินิมักรู้สึกปลอดภัยและอบอุ่นใต้ร่มเงานั้น
ต้นไม้ใหญ่นี้ให้ร่มเงาและป้องกันจากพายุอย่างไม่เห็นแก่ตัว การกระทำของมันทำให้สัตว์และพืชในป่ามีชีวิตที่ดียิ่งขึ้น นกกระยางขาวสรุปว่า “การที่จะมีชีวิตอย่างมีความหมาย ไม่ได้อยู่ที่ว่าเรามีอะไรมากแค่ไหน แต่เราให้และทำเพื่อผู้อื่นได้มากแค่ไหน”
รามิและเดือนดินนำคำสอนของนกกระยางขาวมาปรับใช้ในชีวิต พวกเขาเริ่มช่วยเหลือชุมชนและธรรมชาติรอบๆ ตัว ไม่ว่าจะเป็นการปลูกต้นไม้ การเก็บขยะ หรือการช่วยเหลือสัตว์ที่บาดเจ็บ และพวกเขาก็พบว่า การให้และการทำเพื่อผู้อื่นไม่เพียงแต่ทำให้ชีวิตของผู้อื่นดีขึ้น แต่ยังทำให้ชีวิตของพวกเขามีความหมายและความสุขมากขึ้นด้วย
หวังว่าเพื่อนๆน้องๆ จะสามารถอ่านเรื่องราวอื่นๆเพิ่มเติม และจะได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องเล่าของ “คู่หูรามิกับเดือนดินและนกกระยางขาว”